ไม้มงคลไม่ได้ปลูกไว้เพื่อเป็นสิริมงคลต่บ้านเท่านั้น ยังเป็นสิริมงคลต่อปากท้องของคนในบ้านอีกด้วย
ในช่วงหน้าร้อนกลิ่นหมอของขนนุยวงสีเหลือง สีส้ม รสหวานอร่อย บางทีก็แทรกอยู่ในขนมหวานหลายๆอย่าง เป็นผลไม้ที่หลายๆคนโปรดปาน นอกจากยวงขนุนเนื้อเหลืองทองแล้ว ช่วงต้นฤดูฝน และต้นฤดูหนาวจะสังเกตเห็นลูกขนุนอ่อนวางกลิ้งรวมอยู่กับฝักอ่อนๆในตลาด และตามร้านอาหารก็จะมีเมนูเด็ดๆ จากขนุนอ่่อนสร้างความฮือฮาให้กับนักขิมหน้าใหม่ได้ไม่น้อย
แค่ขนุนอ่อนหั่นเป็นแว่นๆ ต้มจนเปื่อย ปอกเปลือกกินกับน้ำปลายำ แก้มปลาดุกย่าง เมนูง่ายๆ ก็อร่อยติดปากติดใจของหลายๆคนทีเดียว ทำกินเองที่บ้านก็ง่ายเพียงแค่หยิบพริกขึ้ฟ้ามาย่างให้สุก จะช่วยลดความเผ็ดได้เยอะ หั่นใส่ในถ้วยน้ำหลาชั้นดี หอมแดงซอย มะม่วงสับ ใส่ใบมะกรูดหั่นฝอยโรยตามลงไป ถ้าอยากเพิ่มโปรตีนก็ใส่กุ้งแห้งเสียหน่อย กินกับข้าวสวยร้อนๆ ก็อร่อยอย่าบอกใครเชียว
สำหรับขนุนต้มที่เหลือถ้าเบื่อจิ้มน้ำปลายำ ก็เอามาหั่นเป็นชิ้นๆ โขลรวมกับพริกเผา หอมเผา กระเทียมเผา กะปิเผา ปรุงรสเปรี้ยวหวานตามขอบ เอาไปผัดกับหมูสับ ใส่ใบมะกรูดชูกลิ่นเสียหน่อย ก็จะได้ตำขนุนแสนอรอยที่นานปีจะได้กินสักที
แกงส้มขนุนอ่อน ก็ไม่เหลือบ่าฝ่าแรง ปอกเปลือกขนุนอ่อน หั่นเป็นชิ้นๆ ใส่แทนฝัก แกงกับปลาช่อน หรือกระดูกหมู เพิ่มกลิ่นและสีสันด้วยยอดชะอม และมะเขือเทศ แกงส้มขนุนก็ยั่วน้ำลายได้ไม่เบาเลยทีเดียว
แกงขนุนใบตำลึง รายการอาหารแบบใหม่เป็นแกงเผ็ดรสกลมกล่อม เครื่องแกงคล้ายแกงส้ม ประกอบด้วยพริกแห้ง ตะไคร้ กระเทียม หัวหอม กะปิ ตำให้ละเอียดผัดพริกแกงด้วยน้ำมันพืชให้หอม ใส่ซี่โครงหมู ผัดให้เข้ากัน เติมน้ำต้มปลาร้า เคี่ยวซี่โครงหมูให้เปื่อย แล้วใส่ขนุนอ่อนหั่นเป็นชิ้น ปรุงรส ก่อนยกลงใส่ใบตำลึง ชะอม ชะพูล ผักชี ต้นหอม และอย่าลืมหยอดหัวกระทิสด 2-4 ช้อนโต๊ะเพื่อเพิ่มรสชาติใได้ดีขึ้น และช่วยให้ร่ายกายนำสารเบต้า-แคโรทีนจากผักสีเขียวไปสร้างเป็นวิตามินเอได้โดยสะดวก
ถึงแม้ว่าขนุนอ่อนจะมีสารอาหารไม่โดดเด่นมากนัก แต่เมื่อรวมกับเครื่องปรุงสารพัดชนิดแล้วก็ให้คุณค่าครบ พร้อมความแปลกใหม่ที่ปลายลิ้น และตัวขนุนอ่อนยังให้กากใยอาหาร ที่คนเราให้ความสำคัญกันมากขึ้นทุกวัน
หลายคยอาจสงสัยว่า เอาขนุนอ่อนมากินเสียหมดแล้วจะมียวงขนุนสีเหลืองอร่อยให้กินหรือเรื่องนี้ ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะขนุนออกลูกแต่ละทีดกเสียจนนับไม่ถ้วนถ้าตัดออกเสียบ้างลูกขนุนที่เหลือจะได้โตอย่างเต็มที่แทนที่จะตัดทิ้งเสียเปล่าก็ตัดใส่ปากใส่ท้องเสียดีกว่า อย่างนี้ถึงจะเรียกว่าใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น