หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2554

กระเจี๊ยบแดง จากชาซูดานเป็นผักไทย

    มีคนเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่า กระเจี๊ยบแดงมีสัญชาติดั้งเดิมเป็นของซูดาน อยู่ในทวีปแอฟริกาอันไกลโพ้น มีการบันทึกไว้ว่าผู้ที่น้ำกระเจี๊ยบแดงเข้ามาปลูกในประเทศไทยเป็นคนแรกคือ ชาวเยอรมัน โดยนำไปปลูกทีอำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เพื่อทำเป็นกระเจี๊ยบแห้งส่งกลับไปขายที่เยอรมัน เนื่องจากคนเยอรมันนิยมนำดอกกระเจี๊ยบแดงแห้งไปชงดื่ม

    คนไทยในแต่ละพื้นที่จะเรียกขานกระเจี๊ยบแดงแตกต่างกันเช่น "ส้มพอเหมาะ" "กระเจี๊ยบเปรี้ยว" "ส้มเก็งเค็ง" "ส้มตะแลงแคง" "ส้มปู" แต่ในความแตกต่างก็มีความเหมือนซ่อนอยู่ นั่นคือ การตั้งชื่อแต่ละชื่อให้กระเจี๋ยบแดงมีพื้นฐานมาจากการรับรู้รสเปรี้ยวจากดอกและใบของกระเจี๋ยบแดงนั่นเอง
    คนไทยมีพรสวรรค์ในการดัดแปลงอาหาร เราจึงนำกระเจี๊ยบแดงมาทำอาหารคาว หวานได้หลายอย่างเช่น เรานำ้กลีบเลี้ยง และกลีบรองดอกของกระเจี๊ยบแดงไปทำแยม แช่อิ่ม กวน คั้นเอาน้ำมาทำเครื่องดื่ม ส่วนใบอ่อน ก็อาจกินเป็นผักสดมีรสเปรี้ยวประแล่มๆ ร่วมสำรับ เป็นเครื่องเคียงของอาหารหลายชนิด หรืออาจใส่ใสแกงส้มได้รสชาติแปลกลิ้นไปอีกแบบ แหวกแนวไปจากส้มมะขามที่คุ้นเคย
    ใบและดอกของกระเจี๊ยบแดงมีคุณค่ามากมายส่วนของดอกจะอุดมด้วยแคลเซียม ซึ่งช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ส่วนของใบมีเบตต้า แคโรทีน ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นวิตามินเอช่วยบำรุงสายตา และยังอุดมไปด้วยวิตามินซี ที่ช่วยทำให้เหลือกแข็งแรงเป็นสีชมพู ผลกการศึกษานานกว่า 10 ปี ยืนยันชัดเจนว่าส่วนของกลีบรองดอกและกลีบเลี้ยงของกระเจี๊ยบแดงเมื่อตากจนแห้งสนิท นำไปบด ตวงให้ได้นำ้หนัก 3 กรัม ชงในน้ำเดือด 1 แก้ว แล้วดื่มเฉพาะส่วนที่เป็นน้ำใสๆ สีแดงวันละ 3 ครั้ง จะเป็นยาขนานเอกรักษาอาการขัดเบาได้ชะงัด แถมยังช่วยขับเสมหะ และลดอาการอักเสบหลังผ่าตัดนิ่วได้ด้วย
    ผลการวิจัยที่น่าสนใจของคุณภัทราวดี จันทร์แจ่มและคุณมนทรัตน์ บุรุษานนท์ พบว่าเมื่อนำกระเจี๊ยบผงมาผสมกับน้ำตาลเกลือแร่สูตรองค์การอนามัยโลก จะมีฤทธิ์ในการต้านเชื่อที่ทำให้เกิดอาการท้องเสียได้ผลดีหากจะนำมาประยุกต์ใช้เองก็ไม่ยากเย็น เพียงใช้กระเจี๊ยบสดหรือแห้งประมาณ 1-2 กำมือ ต้มกับน้ำ 1 ขวดแม่โขง เติมน้ำตาล 2 ช้อนแกงหรือครึ่งช้อนชา ดื่มต่างน้ำหรือดื่มทุกครั้งที่ถ่ายจนกว่าอาการจะดีขึ้น
    นอกจากนี้ ยังมีการทดลองที่น่าสนใจใหม่ล่าสุดเกี่ยวกับกระเจี๊ยบแดงของอาจารย์มาลิน จุลศิริ และคณะจากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลังมหิดล พบว่าเราสามารถดื่มน้ำกระเจี๊ยบเพื่อหยุดอาการท้องร่วง เนื่องมาจากการติดเชื้อได้
    ต้นของกระเจี๊ยบแดงจะสามารถผลิดอกออกผลอยู่ได้เพียงปีเดียวเท่านั้นก็จะตายไป แต่ธรรมชาติได้ทดแทนให้กระเจี๊ยบแดงผลิตเมล็ดมากมายไว้ใช้ขยายพันธุ์ประกอบกับกระเจี๊ยบแดงเป็นพืชที่ขึ้นง่ายในทุกสภาพพื้นที่ ขอให้มีน้ำเพียงพอเป็นใช้ได้ ว่ากันว่าหากปลูกกระเจี๊ยบแดงในเดือนกันยายน จะขึ้นเป็นต้นพุ่มสูงใหญ่แต่ถ้าปลูกปลายเดือนธันวาคมจะมีพุ่มเล็ก พุ่มจะใหญ่หรือเล็กท่่านว่าไม่สำคัญ ถ้าดูแลให้ดี หมั่นรดน้ำเสียหน่อยกระเจี๊ยบแดงก็จะซื่อสัตย์ออกดอกออกผลให้ชื่นใจคนปลูก

2 ความคิดเห็น:

  1. ต้องการทราบว่าแหล่งปลูกต้นกระเจี๊ยบมีที่ไหนบ้าง และจังหวัดไหนคะ ขอทราบเบอร์โทรติดต่อด้วยคะ 0894965310 ให้วิทยาทานด้วยนะคะ

    ตอบลบ
  2. 0949631162 สนใจกระเจี๊ยบแห้ง ติดต่อได้ค่ะ

    ตอบลบ